มีดีก็ย่อมมีเสีย โทษของการดื่มชาที่มากเกินไป

การดื่มชาถือว่าเป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่อย่างหนึ่งในโลก และมีหลายๆ ประเทศอย่างจีน อินเดีย ญี่ปุ่นและอังกฤษ ที่มีวัฒนธรรมนี้มาอย่างนาวนาน และชานั้นก็มีสรรพคุณรักษาโรคได้มากกว่า คนในสมัยก่อนมักนิยมนำชามาเป็นยารักษาโรค แม้กระทั่งพระจีนในหลายๆ วัดก็ยังมีการรักษาโรคด้วยชาอยู่

cha-6แต่อะไรที่มากเกินก็ย่อมส่งผลเสียได้ด้วยเช่นกัน การดื่มชาในช่วงเช้าตอนตื่นนอนหรือในขณะที่ท้องยังว่างจะทำให้เป็นโรคขาดสาร เพราะร่างกายจะสูญเสียการดูดซึมอาหาร ไม่ควรดื่มชาแทนอาหารเช้า ดังนั้นจึงควรดื่มชาหลังจากทานอาหารไปแล้วนาน 2 – 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย หรืออาจจะดื่มในระหว่างอาหารก็ได้ ขอเพียงท้องไม่ว่างขณะที่ดื่มชาก็พอ แต่คนที่เป็นโรคกระเพาะอักเสบก็ไม่ควรดื่มชาเพราะชาจะไปกระตุ้นน้ำย่อยให้ทำงานมากขึ้น และผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์ อาการใจสั่นและมือสั่น การดื่มชาจะทำให้อาการเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสตรีมีครรภ์และเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ไม่ควรดื่มอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นประจำเดือน ในช่วงเวลานั้นๆ ควรเหลีกเลี่ยงการดื่มชาเขียวเพราะจะทำให้เป็นโลหิตจาง เนื่องจากร่างกายสูญเสียธาตุเหล็ก รวมไปถึงผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตรก็ไม่ควรดื่มชาเช่นเดียวกัน เพราะจะไปยับยั้งการหมุนเวียนของน้ำนม
และถึงแม้ว่าการดื่มชาร้อนนั้นจะได้ประโยชน์มากกว่าดื่มชาเย็น แต่กระนั้นก็ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดเพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย ดังนั้นอะไรที่มากเกินไปก็ส่งผลให้เกิดความเสียหายได้ ต้องใช้ให้พอดีอย่างเหมาะสมไม่มากไปไม่น้อยเกินไปจะดีที่สุด
ชามีคุณสมบัติทำให้ตื่นตัว ดังนั้นสำหรับคนที่มีอาการนอนไม่หลับไม่ควรอย่างยิ่งที่จะดื่มชา